SMEs เช็คให้ดีก่อนเซ็นสัญญาซื้อ-ขายโกดังพร้อมที่ดิน ลงพื้นที่จริงต้องเช็ค อะไรบ้าง?

องค์ประกอบสำคัญก่อนเซ็นสัญญาซื้อ-ขายโกดังพร้อมที่ดิน

เซ็นสัญญาซื้อ-ขายโกดังพร้อมที่ดิน

เมื่อ SMEs เริ่มเติบโตมากขึ้นจึงมีความจำเป็นต้องขยับขยายทั้งโรงงานที่ต้องมีกำลังการผลิตที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงสถานที่เก็บและจัดการสินค้าให้มีมาตรฐานมากขึ้นอย่าง คลังสินค้า ซึ่งเหล่าผู้ประกอบการที่กำลังมองหาหรือตัดสินใจซื้อ ขายโกดังพร้อมที่ดิน นั้นอย่างเพิ่งรีบร้อนตัดสินใจ เพราะสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้การลงทุนของคุณครั้งนี้เป็นไปอย่างดีและคุ้มค่า ก็คือการลงไปสำรวจพื้นที่จริงอย่างละเอียด รวมถึงการศึกษาหาข้อมูลของกฏหมายการสร้างโกดังหรืออาคาร ใบอนุญาตต่างๆ และพิจารณาสัญญาซื้อขายอย่างถี่ถ้วน แต่ก่อนที่จะได้ทราบเรื่องรายละเอียดของกฏหมายการสร้างโกดังหรืออาคาร รวมถึงมีอะไรบ้างที่เราต้องเช็คต้องตรวจสอบให้ดีก่อนเซ็นสัญญาซื้อขาย เรามาทราบถึงประโยชน์และหน้าที่สำคัญของ คลังสินค้า กันก่อน

คลังหรือโกดังสินค้า (Warehouse) คือสถานที่ผู้ประกอบการใช้จัดเก็บสินค้าให้เป็นระเบียบด้วยระบบต่างๆ เพื่อให้การนำเข้าหรือส่งออกกระจายสินค้าไปยังลูกค้าได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพถูกต้องแม่นยำมากที่สุด ฉะนั้นหน้าที่สำคัญของ คลังสินค้า จึงสามารถแยกออกได้เป็น 2 ส่วนคือ

  • การรับสินค้าเข้าคลังหรือโกดังสินค้า : ไม่ว่าจะเป็นโรงงานที่ผลิตสินค้าเอง ที่จะต้องมีการนำเข้าวัตถุดิบสำหรับผลิต หรือสำหรับ SMEs ที่นำเข้าสินค้าต่างๆ เพื่อนำมาขายต่อยังผู้บริโภค ดังนั้นผู้ประกอบการต่างๆ จะต้องจัดสรรพื้นที่สำหรับการจัดเก็บ, คัดแยกสินค้าให้เป็นหมวดหมู่และระบบเพื่อบันทึกสินค้าที่นำเข้ามาเก็บในคลังสินค้า ก่อนที่จะออกส่งออกไปยังลูกค้า

  • การส่งออกและกระจายสินค้า : กระบวนส่งออกสินค้าที่จะมีประสิทธิภาพเพื่อส่งสินค้าได้ถูกต้องแม่นยำนั้น กระบวนการจัดเก็บและการหยิบสินค้าออกจากชั้นวางเป็นขั้นตอนที่สำคัญ เพื่อนำส่งไปยังกระบวนการแพ็คพร้อมจัดส่งให้กับลูกค้าต่างๆ

ส่วนประโยชน์ของ คลังสินค้า หรือโกดังสินค้า ก็คือเป็นสถานที่จัดเก็บสินค้าที่จะช่วยให้การส่งมอบสินค้าเป็นไปอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ ช่วยป้องกันสภาวะสินค้าขาดตลาดทำให้ธุรกิจของคุณเสียโอกาสในการขาย นั่นเอง ฉะนั้นเมื่อทราบถึงหน้าที่และโยชน์ของคลังหรือโกดังสินค้าแล้ว เหล่า SMEs หรือผู้ประกอบการต่างๆ ที่ขยายธุรกิจให้มีประสิทธิภาพหลายรายจึงตัดสินใจทำการซื้อ ขายโกดังพร้อมที่ดิน เพื่อจะได้มีสถานที่จัดเก็บสินค้าของตนเอง

แต่ไม่ว่าจะเป็นการก่อสร้างหรือซื้อโกดังและคลังสินค้าแบบสำเร็จรูปนั้น มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่คุณจะต้องทราบข้อมูลมากมายก่อนตัดสินใจเซ็นสัญญาซื้อ-ขายโกดังพร้อมที่ดิน ดังต่อไปนี้

  1. กฎหมายสร้างโกดัง : แม้ว่าคุณจะซื้อ คลังสินค้า หรือโกดังสำเร็จรูปแล้ว แต่การรู้กฏหมายการสร้างโกดังจะช่วยให้คุณทราบว่าโกดังที่คุณจะซื้อนั้นก่อสร้างถูกต้องตามกฏหมายหรือไม่ เพื่อจะได้ไม่ก่อให้เกิดปัญหาตามมาในภายหลัง ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

    • ถ้าถนนสาธารณะนั้นมีความกว้างน้อยกว่า 10 เมตร ให้ร่นแนวอาคารห่างจากกึ่งกลางถนนสาธารณะ อย่างน้อย 6 เมตร / ตั้งแต่ 10 เมตร ขึ้นไป แต่ไม่เกิน 20 เมตร ให้ร่นแนวอาคารห่างจากเขตถนนสาธารณะอย่างน้อย 1 ใน 10 ของความกว้างของถนนสาธารณะ / เกิน 20 เมตรขึ้นไป ให้ร่นแนวอาคารห่างจากถนนสาธารณะอย่างน้อย 2 เมตร

    • คลังสินค้า ที่มีพื้นที่100 ตรม. แต่ไม่เกิน 500 ตรม. ต้องมีที่ว่างห่างแนวเขตที่ดินที่ใช้ก่อสร้างอาคารนั้น ไม่น้อยกว่า 3 เมตร จำนวน 2 ด้าน / 500 ตรม. แต่ไม่เกิน 1,000 ตรม. ต้องมีที่ว่างห่างแนวเขตที่ดินที่ใช้ก่อสร้างอาคารนั้น ไม่น้อยกว่า 6 เมตร ทุกด้าน / 1,000 ตรม. ต้องมีที่ว่างห่างแนวเขตที่ดินที่ใช้ก่อสร้างอาคารนั้นไม่น้อยกว่า 10 เมตร ทุกด้าน

  2. มีเอกสารการยื่นขออนุญาตการสร้างคลังหรือโกดังสินค้า : โดยปกติแล้วการสร้าง คลังสินค้า หรือการซื้อ ขายโกดังพร้อมที่ดิน ที่สำเร็จแล้วก็ตาม จะต้องมีเอกสารใบอนุญาตการก่อสร้างให้ถูกต้องครบถ้วนจากสำนักงานเขตท้องถิ่น เพื่อช่วยให้ธุรกิจของคุณไม่ไปละเมิดกฏหมายจนต้องเสียเงินและเวลาในการรื้อถอนหรือก่อสร้างใหม่

  3. ลงพื้นที่และตรวจสอบสภาพโกดังและคลังสินค้าก่อนซื้ออย่างละเอียด : ความสำคัญที่คุณจะต้องเข้าไปตรวจเช็คพื้นที่จริงก่อนเซ็นสัญญาซื้อ ขายโกดังพร้อมที่ดิน นั้นก็เพื่อประโยชน์ของเหล่า SMEs และผู้ประกอบการเอง เพราะหากมีจุดไหนเกิดความชำรุดเสียหายหรือเป็นการก่อสร้างที่อาจจะผิดกฏหมายการ ก่อสร้าง คุณจะได้แจ้งให้กับเจ้าของเดิมเพื่อปรับปรุงแก้ไขหรือไม่ คุณก็อาจจะตัดสินใจเลือกที่ใหม่ไปเลย นอกจากนั้นสิ่งที่คุณควรทราบข้อมูลเพิ่มก็คือ อายุของอาคาร, โครงสร้าง, ขนาดความสูงและความกว้างของพื้นที่ทั้งในและนอก, ถนนหน้าอาคารและลานจอดรถ เพื่อเป็นข้อมูลเก็บไว้สำหรับอนาคต

  4. อ่านสัญญาซื้อ ขายโกดังพร้อมที่ดิน อย่างละเอียด : โดยในสัญญาซื้อขายนั้นจะต้องมีรายละเอียดของผู้ซื้อและผู้ขาย เช่น ชื่อ ที่อยู่ เลขบัตรประชาชน ผู้ทำสัญญาอาจเป็นบุคคลธรรมดาหรืออาจจะเป็นนิติบุคคลก็ได้ แต่จะต้องบอกรายละเอียดว่าใครเป็นผู้ซื้อและใครเป็นผู้ขาย, รายละเอียดของทรัพย์สินที่ตกลงกันว่าจะซื้อขายและโอนกรรมสิทธิ์แก่กัน เช่น เลขที่โฉนด, มีเนื้อที่เท่าไหร่, มีรายละเอียดของสิ่งปลูกสร้าง อย่าง คลังสินค้า, ลาดจอด หรือสำนักงาน จำนวนกี่ที่ เป็นต้น ที่สำคัญคือรายละเอียดของราคาที่ตกลงกันและวิธีการชำระเงิน ควรบอกทั้งเป็นตัวเลขและตัวอักษรเพื่อความถูกต้อง รวมถึงกำหนดวันและเวลาในการชำระเงินด้วย

  5. ข้อตกลงของการจ่ายค่าภาษีและค่าใช้จ่ายอื่นๆ : ค่าธรรมเนียมการโอนและภาษี การโอนกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์นั้น ไม่ว่าจะซื้อขายอสังหา หรือที่ดิน จะต้องมีค่าธรรมเนียมการโอนที่กฎหมายไม่ได้บังคับว่าใครมีหน้าที่เป็นผู้จ่าย ฉะนั้นเมื่อคุณตกลงซื้อ ขายโกดังพร้อมที่ดิน แล้วเงื่อนไขการจ่ายค่าธรรมเนียมหรือภาษีต่างๆ ที่ใครฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่เป็นคนจ่ายจะต้องถูกระบุไปในสัญญาซื้อขายด้วย เพื่อต้องกันปัญหาผิดสัญญาในภายหลัง โดยรายละเอียดของค่าใช้จ่ายที่คุณจะต้องเจอเมื่อตัดสินใจซื้อคลังสินค้าหรืออสังหาริมทัพย์อื่นๆ สามารถแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ คือ

    • อสังหาริมทรัพย์ที่มีบริษัทเป็นเจ้าของ จำเป็นต้องชำระภาษี 3 ประเภท คือ ค่าธรรมเนียมการโอน, ภาษีธุรกิจเฉพาะ และภาษีหัก ณ ที่จ่าย

    • อสังหาริมทรัพย์ที่เป็นเจ้าของโดยบุคคลธรรมดา จำเป็นต้องชำระภาษี 3 ประเภท คือค่าธรรมเนียมการโอน, ภาษีธุรกิจเฉพาะหรืออากรแสตมป์ และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภาษีหัก ณ ที่จ่าย)


ทั้งหมดนี้ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ก่อนเซ็นสัญญาซื้อ ขายโกดังพร้อมที่ดิน คุณต้องตรวจสอบให้ครบทั้ง 5 ข้อ ที่เราได้กล่าวไปเพื่อความมั่นใจว่าการซื้อขายโกดังหรือ คลังสินค้า แห่งใหม่ของคุณจะไม่มีปัญหาตามมาในภายหลัง เพราะการลงทุนครั้งนี้ก็ใช่ว่าจะเป็นจำนวนเงินเล็กน้อย หากเกิดข้อผิดพลาดขึ้นมาไม่ใช่แค่เงินจำนวนหนึ่งที่คุณจะต้องเสียไป แต่หมายถึงเวลาและโอกาสการเติบโตของธุรกิจของคุณที่อาจจะเสียไปด้วย หากคุณไม่ละเอียดรอบคอบก่อนตัดสินค้าเซ็นสัญญาซื้อขายโกดัง นั่นเอง

 

สนใจดูรายละเอียดโครงการ โรงงานขนาดเล็ก, คลังสินค้า, โกดังพร้อมที่ดินทั้งหมดเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์: www.primeestate.co.th
โทร : 063 663 6663
Facebook Inbox : m.me/PrimeEstateSME
Line: line.me/R/ti/p/@primeestate
Email : Sales@primeestate.co.th