ธุรกิจขายโรงงานขนาดเล็กและขายคลังสินค้า เพื่อตอบสนองเทรนด์ธุรกิจที่มาแรงในปี 2023

ภาพรวมของการขยายตัวของภาคธุรกิจต่างๆ ในประเทศ

ขายโรงงานขนาดเล็ก

ภาคการผลิตในธุรกิจอุตสาหกรรมต่างๆ ในปีนี้มีการขยายตัวเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลพวงมาจากที่การเติบโตขึ้นของการค้าขายบนโลกออนไลน์ ฉะนั้นไม่ว่าธุรกิจไหนจะมาแรงในปี 2023 ที่กำลังจะมาถึง อีกหนึ่งการลงทุนที่น่าสนใจก็คือ ธุรกิจซื้อ-ขายโรงงานขนาดเล็ก ขายคลังสินค้า หรือขายโกดังพร้อมที่ดิน

การจะลงทุนหรือทำธุรกิจใหม่ในยุคที่เศรษฐกิจโลกกำลังซบเซาเช่นในปัจจุบันนี้ อาจจะต้องคิดหน้าคิดหลังให้ดีก่อน การหาและศึกษาข้อมูลก่อนการลงทุนจึงเป็นเรื่องสำคัญ เช่น การหาเทรนด์ธุรกิจที่มาแรงในปีนั้นๆ หรือการศึกษาข้อมูลภาพรวมของการขยายตัวของภาคธุรกิจต่างๆ ในประเทศ เป็นต้น ซึ่งตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาแนวโน้มธุรกิจของภาคอุตสาหกรรมการผลิตมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น ฉะนั้นนับเป็นโอกาสของอีกธุรกิจหนึ่งก็คือ ธุรกิจซื้อ-ขายโรงงานขนาดเล็ก ขายคลังสินค้า หรือขายโกดังพร้อมที่ดิน นั่นเอง

จากสถิติของภาพรวมธุรกิจและแนวโน้มของผู้ประกอบการในประเทศไทยไตรมาสที่2 และไตรมาสที่3 ของปี 2565 พบว่ามีการขยายตัวเพิ่มขึ้น ถึงแม้ว่าในช่วง 2-3 ปีก่อน จะต้องประสบปัญหาซบเซาสภาวะเศรษฐกิจจากสถานการณ์โรคระบาด COVID-19 แต่เนื่องจากธุรกิจค้าขายในโลกออนไลน์กลับโตสวนกระแสเมื่อเทียบกับธุรกิจอื่นๆ และแม้ว่าในปี 2564-2565 นี้ ภาคธุรกิจอุตสาหกรรมการผลิตต่างๆ จะต้องเจอกับปัญหากับราคาของต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ถึงกระนั้นเองในภาคของอุตสาหกรรมการผลิตก็ยังคงมีแนวโน้มที่เพิ่มสูงขึ้น ตามที่ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทยได้รวบรวมข้อมูลไว้ ฉะนั้นถือเป็นโอกาสอันดีของอีกหนึ่งธุรกิจอย่าง ธุรกิจซื้อ-ขายโรงงานขนาดเล็ก ขายคลังสินค้า หรือขายโกดังพร้อมที่ดิน ที่เป็นเสมือนหน่วยส่งเสริมและการขยายตัวของภาคการผลิตในอุตสาหกรรมได้

 


ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก: ธนาคารแห่งประเทศไทย

 

ซึ่งในบทความนี้เราจะมาคุณมาดูเทรนด์ธุรกิจมาแรง ส่งท้ายปี 2022 ไปจนถึงปี 2023 ที่กำลังจะมาถึงนี้ ไปพร้อมๆ กับโอกาสที่คุณจะสามารถทำรายได้เพิ่มจากการลงทุนซื้อ-ขายโรงงานขนาดเล็ก ขายคลังสินค้า หรือขายโกดังพร้อมที่ดิน ดังนี้

 

  1. ธุรกิจค้าขายออนไลน์และ E-Commerce ยังเต็งหนึ่ง 

    นับตังแต่ช่วงโรคระบาดโควิด19 ที่ส่งผลกระทบต่อหลายธุรกิจออฟไลน์แบบดั้งเดิมที่ยังไม่สามารถปรับตัวให้ทันได้ แต่ถึงกระนั้นเองก็ยังมีอีกหลายธุรกิจที่สามารถปรับวิกฤติให้เป็นโอกาส พาให้องค์กรหรือบริษัทของตนเองมียอดขายทำรายได้ในช่วงโรคระบาดนี้ และหนึ่งในกลุ่มธุรกิจที่เรียกว่าเป็นขาขึ้นแบบก้าวกระโดด ก็คือ ธุรกิจค้าขายออนไลน์ เพราะเมื่อผู้คนไม่สามารถพบปะพูดคุยกันได้อย่างปกติ ประกอบกับการต้องทำงานอยู่กับบ้านตลอดเวลา การซื้อขายออนไลน์จึงเป็นธุรกิจมาแรงอย่างมากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ 

    และแน่นอนว่า กระแสความแรงของการค้าขายออนไลน์หรือE-Commerce ในปีนี้และปีหน้าก็ยังคงความแรงอยู่เช่นเคย เพราะในยุคสมัยที่ทุกคนมีอินเตอร์ติดตัวอยู่ตลอดเวลา ธุรกิจต่างๆ จึงต้องพากันเข้ามาอยู่ในช่องทางออนไลน์มากขึ้นนั่นเอง และด้วยในยุคของพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่พากันขายดิบขายดีมากขึ้น จนทำให้ภาคอุตสาหกรรมการผลิตต่างๆ มีการขยายตัวจนต้องเพิ่มฐานการผลิตให้มากขึ้น และด้วยเหตุนี้เองจึงถือว่าปี 2023 นี้ ธุรกิจที่น่าสนใจอีกหนึ่งธุรกิจ ที่สามารถใช้โอกาสขาขึ้นของเทรนด์ธุรกิจออนไลน์และอีคอมเมิร์ซได้ก็คือ การลงทุนซื้อ-ขายโรงงานขนาดเล็ก ขายคลังสินค้า หรือขายโกดังพร้อมที่ดิน เพื่อสนันสนุนการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมการผลิตต่างๆ นั่นเอง

  2. ธุรกิจอาหารเสริมและสมุนไพรเพื่อสุขภาพ 

    ใครๆ ก็รู้ว่าการไม่เป็นโรคเป็นลาภอันประเสริฐ… อาหารเสริมและสินค้าสุขภาพจึงขายได้อยู่เสมอ แต่เมื่อในปัจจุบันกระแสของสมุนไพร เริ่มเป็นที่นิยมไม่ว่าจะเป็น ฟ้าทะลายโจร, กระชายขาว ที่สรรพคุณดีช่วยป้องกันและรักษาโรคระบาดได้ ไหนจะกัญชา กัญชง ที่ในปี 2023 ที่กำลังจะมาถึงนี้ เราเชื่อว่าจะมีผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมหรือนำสมุนไพรเหล่านี้มาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ อาทิ เครื่องดื่ม อาหาร ขนมเบเกอรี่ อาหารเสริมรูปแบบต่างๆ

    ฉะนั้นภาคโรงงานอุตสาหกรรมการผลิตสินค้าที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอาหารเสริมหรือแปรรูปสมุนไพรต่างๆ ในปี 2023 จึงจะต้องเตรียมตัวขยายฐานการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคและเหล่าเจ้าของแบรนด์อาหารเสริมและผู้ประกอบการธุรกิจเหล่านี้ไว้ การลงทุนซื้อ-ขายโรงงานขนาดเล็ก ขายคลังสินค้า หรือขายโกดังพร้อมที่ดิน ไม่ว่าจะซื้อไว้เพื่อเก็งกำไรหรือปล่อยให้เช่า นอกเหนือจากการไปลงทุนทำสินค้ากลุ่มนี้เพื่อขายแข่งสูงในปีหน้า ก็คือว่าเป็นอีกหนึ่งธุรกิจหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว

  3. ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วน 

    ความจริงแล้ว ความต้องการของผู้บริโภคกับธุรกิจการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ ของภาคอุตสาหกรรมนั้น มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2564 ยาวมาจนถึงปี 2565

    “ในปี 2564 มูลค่าการส่งออกของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ในภาพรวมขยายตัว 16.5%YOY โดยได้รับปัจจัยหนุนจากความต้องการสินค้าอิเล็กทรอนิกส์บางประเภทที่เพิ่มสูงขึ้น อาทิ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ เพื่อตอบโจทย์วิถีชีวิตรูปแบบใหม่ (Work from home และการเรียนออนไลน์) ส่งผลให้การส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ของไทยเติบโตขึ้นมาก… สำหรับปี 2565 มูลค่าการส่งออกอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของไทยคาดว่าจะสามารถขยายตัวที่ 4.1%YOY โดยปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากความต้องการสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทั่วโลก” ที่มา : moneyandbanking 

    สืบเนื่องมาจากประเทศไทยของเราในช่วง 2-3 ปีมานี้ เราก้าวเข้าสู่ยุคอินเตอร์เน็ตเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ เครื่องมือ ของใช้หรืออุปกรณ์ที่ใช้อำนวยความสะดวกสบายของมนุษย์หลายอย่างถูกพัฒนาให้ทันสมัยและขับเคลื่อนด้วยอินเตอร์เน็ตกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน, รถยนต์ต่างๆ ไหนจะเป็นการพัฒนาของโทรศัพท์มือถือที่ขยันออกรุ่นใหม่ๆ มาขายสู่ท้องตลาดอยู่เสมอ ฉะนั้น จึงไม่ต้องแปลกใจอะไรหากปี 2565 ความต้องการการผลิตในส่วนของชิ้นส่วนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนภาคอุตสาหกรรมการผลิตนั้นจะต้องเริ่มมองหาวิธีการเพิ่มฐานการผลิตใหม่ๆ ให้มีความสามารถในการผลิตเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างทันท่วงที การเช่า ซื้อโรงงานและคลังสินค้าเพิ่มจากโครงการที่ขายโรงงานขนาดเล็ก ขายคลังสินค้า หรือขายโกดังพร้อมที่ดิน จึงนับว่ามีโอกาสการขยับขยายยอดขายและกำไรเพิ่มขึ้นได้ในปีหน้าเช่นกัน

  4. ธุรกิจเกี่ยวกับนวัตกรรมด้านยนตรกรรม 

    อย่างที่ทราบกันดีว่า ไม่ช้าไม่นานรถยนต์ต่างๆ ที่เราใช้น้ำมันกันมายาวนานจะกลายเป็นรถยนต์ไฟฟ้ากันมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งในสภาวะเศรษฐกิจโลกหลายประเทศที่ได้รับผลกระทบความจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทำให้ราคาน้ำมันและทองคำเพิ่มสูงขึ้น จนหลายคนเริ่มท้อใจกับการต้องเสียค่าน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น และมีการคาดการณ์กันว่าภายในอีกไม่เกิน 2-3 ปี รถยนต์ไฟฟ้าจะถูกแทนที่รถยนต์ที่ใช้แก๊สและน้ำมันได้อย่างหมดสิ้น ซึ่งการใช้รถยนต์ไฟฟ้านั้นนอกจากจะช่วยประหยัดพลังงานน้ำมันและเงินในกระเป๋าของผู้คนมากขึ้นแล้ว ยังช่วยลดมลภาวะในอากาสได้อีกด้วย และถ้าอีก 2-3 ปี รถยนต์ไฟฟ้าจะถูกแทนที่รถยนต์ที่ใช้แก๊สและน้ำมัน ฉะนั้นในปี 2023 ที่กำลังจะมาถึงนี้ย่อมมีการเร่งการผลิตของรถยนต์ไฟฟ้าเหล่านี้อย่างแน่นอน ซึ่งนับเป็นโอกาสของอุตสาหกรรมการผลิตทั้งชิ้นส่วนยานยนต์และนวัตกรรมด้านยานยนต์ในภาคส่วนต่างๆ เช่นกัน

  5. ธุรกิจก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ 

    จากทั้งหมดที่เราได้กล่าวมานั้น การเพิ่มฐานการผลิตของภาคอุตสาหกรรมที่เกีร่ยวข้องกับธุรกิจเหล่านี้ จึงนับว่ามีโอกาสเจริญเติบโตมากขึ้นอย่างแน่นอนในปี 2023 นี้ สำหรับใครที่อยู่ในวงการธุรกิจเหล่านี้ก็นับว่าเป็นโอกาสอันดีและอาจจะต้องเริ่มมองหาโอกาสเพิ่มฐานการผลิตในธุรกิจของคุณ เช่นการซื้อโรงงานและคลังสินค้าเพิ่มจากโครงการที่ขายโรงงานขนาดเล็ก ขายคลังสินค้า หรือขายโกดังพร้อมที่ดิน หรือหากคุณคือนักลงทุนแบบเก็งกำไร ก็สามารถซื้อโรงงานและคลังสินค้าไว้ให้เช่าหรือขายได้ นั่นเอง

    แต่การที่จะมองหาโรงงานและคลังสินค้าคุณภาพสูงสำหรับธุรกิจหรือภาคอุตสาหกรรมต่างๆ นั้น ไม่ว่าจะเป็นการซื้อเพื่อเพิ่มฐานการผลิตในธุรกิจของคุณหรือเป็นการซื้อเพื่อการขายเก็งกำไรหรือปล่อยเช่า จะต้องเลือกโครงการที่ขายโรงงานขนาดเล็ก ขายคลังสินค้า หรือขายโกดังพร้อมที่ดิน ที่มีทำเลที่ตั้งที่ดี อย่างโครงการไพร์ม เอสเตท นั้นอยู่ในพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญระหว่างกรุงเทพมหานครและโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ง่ายต่อการขนส่งสินค้าเข้า-ออก เส้นทางคมนาคมต้องหลากหลายและสะดวกสบาย อีกทั้งยังมีโรงงานและคลังสินค้าหลายขนาดให้คุณเลือก ตั้งแต่ 500 ตร.ม. ที่มีโซลูชั่นให้คุณได้เลือกใช้งานอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นโรงงานขนาดเล็ก โกดังขนาดเล็ก โรงงานพร้อมที่ดิน และโกดังพร้อมออฟฟิศ เพื่อตอบโจทย์การใช้งานให้ตรงกับความต้องการของคุณมากที่สุด นั่นเอง

 

สนใจดูรายละเอียดโครงการ โรงงานขนาดเล็ก, คลังสินค้า, โกดังพร้อมที่ดินทั้งหมดเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์: www.primeestate.co.th
โทร : 063 663 6663
Facebook Inbox : m.me/PrimeEstateSME
Line: line.me/R/ti/p/@primeestate
Email : Sales@primeestate.co.th